




Eng4Immi
Processing Times for Adoption-Based Form I-130 Petitions Coming June 2023
เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 เป็นต้นไป USCIS จะประกาศระยะเวลาการดำเนินการคำร้อง I-130 สำหรับญาติต่างด้าวที่เป็นบุตรบุญธรรมของชาวสหรัฐฯ ให้บุคคลทั่วไปได้รับทราบโดยทั่วกัน เพื่อที่ว่าทุกคนจะได้สามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับระยะเวลาดำเนินการว่าจะใช้เวลาประมาณเท่าใดถึงจะได้รับคำตัดสินในคำร้องที่ยื่นไป ทางการจะประกาศให้ทราบกันอีกครั้งว่าเมื่อไหร่ ข้อมูลนั้นจะประกาศขี้นทางออนไลน์
ต่อไปภายหลังในเดือนนี้ เว็บไซต์ของ USCIS จะแสดงตารางเวลาข้างล่างนี้ สำหรับคำร้อง I-130 วีซ่าบุตรบุญธรรม ซึ่งเป็นข้อมูลจาก 6 เดือนก่อนหน้านี้ และทางการจะอัพเดตข้อมูลในทุกเดือนหลังจากนี้
ทั้งนี้ USCIS คำนวณระยะเวลาการดำเนินการโดยใช้กฏ 80% คือ จากคำร้องที่ได้รับ 80% ของเคสทั้่งหมดจะได้รับการดำเนินเรื่องจนเสร็จสมบูรณ์ภายในระยะเวลาที่แสดงให้เห็นในตารางข้างบน เช่น ชาวสหรัฐฯ ที่ขอวีซ่าครอบครัวให้กับบุตรบุญธรรมอายุต่ำกว่า 21 ปี ศูนย์เนบราสก้า หรือ NBC จะเป็นผู้ดำเนินการ และจะใช้เวลาประมาณ 50 เดือน หรือประมาณ 4 ปีจากวันที่ได้รับเรื่องจนถึงวันอนุมัติ
อย่างไรก็ตาม อาจมีสาเหตุที่อยู่นอกเหนือความควบคุมของ USCIS ที่อาจส่งผลให้คำร้องต่าง ๆ ล่าช้า ดังนี้
คำร้องจำนวนมากได้รับการร้องขอเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติม (Requests for Evidence หรือ RFEs) และใบแจ้งความประสงค์ที่จะปฏิเสธคำร้องขอ (Notices of Intent to Deny หรือ NOIDs) เนื่องจากเอกสารที่ทางการได้รับไปนั้นไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนคุณสมบัติของเด็กว่าเข้าข่ายผู้ที่ควรได้รับวีซ่า
ผู้ยื่นคำร้องใช้ระยะเวลานานในการตอบกลับหลังได้รับจดหมายประกาศ (Notices) ต่าง ๆ จาก USCIS เนื่องจากติดช่วงโควิด จากเดือนมีนาคม 2020 ถึงเดือนมีนาคม 2023 และ
เวลาที่ผู้ยื่นคำร้องใช้ในการดำเนินการพิมพ์ลายนิ้วมือ
สิ่งที่ USCIS ได้ทำเพื่อปรับปรุงระยะเวลาดำเนินการ
เปิดให้มีการยื่นคำร้องทางออนไลน์ สำหรับคำร้องวีซ่าบุตรบุญธรรม I-130 เมื่อเดือนสิงหาคม 2019
ทบทวนกระบวนการดำเนินงานต่าง ๆ เพื่อหาจุดที่ต้องปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและเทคโนโลยี รวมทั้ง
ให้มีการทำงานล่วงเวลาและรับเจ้าหน้าที่เข้าทำงานในตำแหน่งที่ว่าง
สิ่งที่ผู้ยื่นคำร้องสามารถทำได้เพื่อช่วยให้ระยะเวลาดำเนินการเร็วขึ้น
สืบเนื่องจากมีคำร้องจำนวนมากที่ต้องมีการขอเอกสารเพิ่ม (RFEs) หรือส่งประกาศความแจ้งจำนงว่าจะปฏิเสธคำร้อง (NOIDs) ผู้ยื่นสามารถช่วยย่นระยะเวลาการพิจารณาได้โดยการดูว่าตนเองและผู้รับวีซ่ามีคุณสมบัติทุกอย่างครบตามที่ระเบียบการที่ทางการตั้งไว้ โดยกฏระเบียบด้านการดำเนินงานเกี่ยวกับคำร้องขอวีซ่าบุตรบุญธรรม มีจุดประสงค์ที่จะดูว่า
ผู้ยื่นเป็นชาวสหรัฐฯ (US Citizen) หรือเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรในสหรัฐฯ อย่างถูกกฏหมาย (lawful permanent resident) หรือผู้ถือใบเขียวนั่นเอง
ถ้าผู้ยื่นหรือคู่สมรสของผู้ยื่นเป็นชาวสหรัฐฯ และบุตรบุญธรรมมาจากประเทศภายใต้สนธิสัญญาฯ ระเบียบการรับบุตรบุญธรรมตามสนธิสัญญากรุงเฮกจะไม่มีผลควบคุม (ประเทศไทยอยู่ภายในสนธิสัญญาฯ นี้) คลิ๊กดูข้อจำกัดของสนธิสัญญากรุงเฮกในเรื่องคำร้องครอบครัว
ผู้ยื่นคำร้องเป็นผู้ปกครองเด็กอย่างถูกต้องตามกฏหมาย (legal custodian) ของเด็กที่เป็นบุตรบุญธรรม และตัวเด็กได้อาศัยอยู่กับผู้ยื่นคำร้องเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปีตอนยื่นคำร้อง และ
ผู้ยื่นคำร้องได้รับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมตามกฏหมายก่อนที่เด็กจะมีอายุ 16 ปี หรือ 18 ปีถ้าเด็กเป็นพี่น้องของเด็กที่ผู้ยื่นเรื่องได้รับเป็นบุตรบุญธรรมแล้วหรือกำลังจะรับเป็นบุตรบุญธรรม (sibling exception)
การยื่นเอกสารหลักและเอกสารสนับสนุนเพิ่มเติมอื่น ๆ ไปพร้อมกับฟอร์ม I-130 อาจช่วยให้ทาง USCIS ไม่จำเป็นต้องออกจดหมายขอเอกสารเพิ่ม (RFEs) หรือส่งประกาศความแจ้งจำนงว่าจะปฏิเสธคำร้อง (NOIDs) และช่วยให้หลีกเลี่ยงความล่าช้าในการตัดสินอนุมัติเรื่องได้ คลิ๊กดูข้อมูลและแนวทางการยื่นคำร้องวีซ่าครอบครัวสำหรับบุตรบุญธรรม เพื่ออ่านรายละเอียดและระเบียบการเพิ่มเติม
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมอื่น ๆ
หากมีคำถามใด ๆ เกี่ยวกับคำร้อง I-130 สำหรับการขอวีซ่าให้กับบุตรบุญธรรมให้ติดต่อ USCIS ผ่านทางออนไลน์ ซึ่งรวมถึง e-request หรือศูนย์ติดต่อของ USCIS
หากต้องการแนะนำต่าง ๆ ด้านนโยบาย สามารถส่งคำติชมไปได้ที่ policyfeedback@uscis.dhs.gov
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและโปรแกรมอื่น ๆ ของ USCIS สามารถเปิดดูได้ที่ uscis.gov หรือติดตามสื่อสังคมขององค์กรได้ที่ Twitter, Instagram, YouTube, Facebook and LinkedIn
*แปลและเรียบเรียงโดย Eng4Immi จากอีเมล์แจ้งข่าวสารของ USCIS Public Engagement Division