top of page




ถาม-ตอบ
แหล่งรวบรวมคำถามที่พบบ่อยสำหรับผู้ขอวีซ่าอเมริกา รวมทั้งการติดต่อราชการอื่น ๆ ในอเมริกาและที่ไทย หากมีคำถามที่ไม่สามารถค้นหาคำตอบในคลังความรู้นี้ สามารถไปค้นหาหรือตั้งคำถามได้ที่กลุ่มของเราในเฟซบุ๊ค
***โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน คำตอบที่รวบรวมไว้เป็นการแชร์ความรู้และประสบการณ์ตรงของสมาชิกกลุ่ม usvisa4thai ไม่สามารถใช้ทดแทนคำแนะนำของทนายความได้***
-
เว็บ usvisa4thai คือเว็บอะไร และใครคือผู้ดำเนินการเราคือเว็บของคนไทยที่จัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี คศ. 2005 เพื่อเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ของคนไทยในการขอวีซ่า การทำงาน การโยกย้ายถิ่นฐาน และการใช้ชีวิตในอเมริกา ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 40,000 คนในกลุ่มเฟซบุ๊ค ทางเว็บได้รับการสนับสนุนด้านการเงินและการจัดการโดยผู้ก่อตั้งเริ่มแรกทั้ง 3 คน ปัจจุบันรู้จักในนาม us4thai รวมทั้งการแปลและเรียบเรียงข้อมูลโดย Eng4Immi ซึ่งกำลังก่อตั้งและจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้
-
เว็บ usvisa4thai รับว่าความและให้คำปรึกษาทางกฏหมายหรือไม่ทีมงานและสมาชิกเว็บไม่ได้เป็นทนายความ ไม่สามารถว่าความหรือให้คำปรึกษาทางกฏหมายได้ คำตอบที่ให้ไปอาศัยจากประสบการณ์ตรงหรือหาข้อมูลจากเว็บของทางการหรือแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
-
การตั้งคำถามหรือสมัครสมาชิกมีค่าใช้จ่ายใด ๆ หรือไม่การตั้งคำถามหรือสมัครสมาชิกของกลุ่มในเฟซบุ๊ค สามารถทำได้ฟรี ทางเว็บหรือกลุ่มไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายได ๆ
-
การขอวีซ่าสหรัฐฯ ยากหรือเปล่า ต้องใช้ทนายหรือไม่กฏระเบียบและขั้นตอนการขอวีซ่าไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด เพราะทางการสหรัฐฯ ก็นำเสนอข้อมูลให้แล้วอย่างเป็นขั้นเป็นตอน อีกทั้ง หน่วยงานภาคเอกชน สำนักกฏหมาย รวมทั้งองค์กรการกุศลและเว็บบอร์ดฟรี เช่น USVISA4THAI ก็มีข้อมูลให้ค้นหาและแลกเปลี่ยน หากคุณไม่ได้ทำผิดกฏหมายอาญาขั้นรุนแรง เช่น ฆ่าคนตาย ค้ามนุษย์ โกงเงิน หรือติดโทษแบนห้ามเข้าอเมริกา ก็ไม่จำเป็นต้องจ้างทนาย
-
หาข้อมูลแล้ว เข้าใจขั้นตอน แต่ไม่มั่นใจเรื่องภาษาอังกฤษ จะทำอย่างไรได้บ้างหากคุณค้นหาข้อมูลและถามคำถามในกลุ่มเฟซบุ๊ค usvisa4thai.com ของเราแล้วยังรู้สึกไม่มั่นใจ เนื่องจากภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง สามารถติดต่อ Eng4Immi เพื่อใช้บริการแปลและพิมพ์ข้อมูลลงแบบฟอร์มต่าง ๆ ให้ได้ไม่ว่าคุณจะยื่นทางไปรษณีย์หรือออนไลน์ ทั้งนี้ บริการดังกล่าวเป็น Translation and Typing Service ไม่ใช่การให้คำปรึกษาทางกฏหมาย เนื่องจากทนายความเท่านั้นถึงจะทำได้ อย่างไรก็ตาม ทีมงาน Eng4Immi คือ ผู้มีประสบการณ์ตรงด้านการขอวีซ่าสหรัฐฯ รวมทั้งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษอีกด้วย
-
อยู่อเมริกา มีปัญหาทางด้านกฏหมาย ติดต่อขอความช่วยเหลือจากที่ไหนได้บ้างหากคุณอยู่ที่อเมริกา แล้วประสบปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือทางกฏหมาย สามารถติดต่อองค์กรการกุศล (ฟรี) หรือสำนักงานกฏหมาย (เสียเงิน) ต่าง ๆ ได้ และหากต้องจ้างทนายจริง ๆ ควรหาทนายผ่านเว็บของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อความชัวร์ว่า ทนายที่จ้างเป็นทนายจริง ๆ ไม่ใช่ทะแนะ ตัวอย่าง องค์กรการกุศลที่ช่วยเหลือชาวต่างชาติในอเมริกา ด้านอิมมิเกรชั่น หากต้องการคุยกับคนไทยผู้รู้ทางกฏหมายอย่างแท้จริง แต่ไม่สามารถสู้ราคาของทนายความชาวอเมริกันได้ แนะนำให้ติดต่อคุณลาวัณย์วดี ซึ่งเป็นผู้ช่วยทนายความของอาจารย์ใหญ่ด้านกฏหมายคนเข้าเมืองของอเมริกาได้ ใครที่ประสบปัญหาด้านการถูกทารุณกรรมทางร่างกายหรือจิตใจ สามารถติดต่อคุณเค้าได้ เพราะเค้าเชี่ยวชาญด้านนี้เป็นพิเศษอีกด้วย ทั้งนี้ เว็บเราไม่ได้รับค่านายหน้าจากคุณลาวัณย์วดีแต่อย่างใด แต่รู้จักเพราะคุณเค้าเคยเป็นสมาชิกเว็บในรุ่นแรก ๆ คอยตอบคำถามและช่วยเหลือเพื่อนสมาชิกเป็นอย่างดี และทีมงานบางคนก็เคยใช้บริการขอคำปรึกษาจากคุณเค้าเลยประทับใจและนำมาบอกต่อ ถ้ามีฐานะทางการเงินดี หรือเคสมีปัญหา มีข้อกังขา และต้องการจ้างทนายเพื่อทำเรื่องวีซ่าต่าง ๆ สามารถค้นหาทนายความจากเว็บ USCIS ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการหลอกลวงของทนายจอมปลอม ท้ายสุด หากมีปัญหาทางด้านกฏหมายอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แค่เรื่องกฏหมายคนเข้าเมืองเพียงอย่างเดียว สามารถค้นหาทนายความจากเว็บของกระทรวงมหาดไทยสหรัฐฯ ได้ ทนายที่เป็น Pro Bono คือ ทนายความที่รับว่าความให้ฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่าย เนื่องจากกฏหมายสหรัฐฯ มีข้อกำหนดให้ทนายความรับว่าความฟรีเป็นการกุศลในแต่ละปี เพื่อรักษาใบอนุญาตว่าความของพวกเขา
-
ทนายความฟรีมีอยู่จริงหรือทนายฟรี มีจิตอาสามีอยู่จริงทั้งผู้ที่ทำงานให้องค์กรการกุศล และทนายความทั่วไปที่ต้องทำ Pro Bono เพื่อต้องรักษาใบอนุญาตว่าความของเค้าในทุกปี ยกตัวอย่าง ทีมงานเคยหาทนายที่รู้จักช่วยเหลือเคสของเพื่อนมาแล้วกรณีเพื่อนร่วมบ้านเค้าดาวน์โหลดไฟล์ผิดกฎหมาย แล้วชื่อจ่ายเน็ตเป็นของเพื่อน เลยโดนบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ฟ้อง เพื่อนอีกคนนึงฟ้องหย่าสามีเพราะมีการทารุณกรรมเพศและจิตใจ เค้าก็ปรึกษาทนายความและจิตแพทย์อาสา ตอนนี้ได้สัญชาติไปแล้ว อีกคนทำงานร้านอาหาร ไม่มีใบ พี่ชายที่ไม่มีใบเหมือนกัน โดนตำรวจจับเข้าคุกฐานเมาแล้วขับและขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ เค้าก็ได้ทนายอาสาประจำท้องถิ่นที่ทีมงานแนะนำไปช่วยจนออกคุกมาได้ ไม่โดนส่งตัวออกนอกประเทศ
-
แปลเอกสารด้านทะเบียนราษฎร์และรับรองการแปลโดยไม่ต้องผ่านการรับรองด้านนิติกรณ์กับกรมการกงสุลได้หรือไม่การยื่นเอกสารด้านทะเบียนราษฎร์เช่น ใบเกิด ใบมรณะบัตร ใบเปลี่ยนชื่อ หรือทะเบียนสมรส ฯลฯ เพื่อดำเนินเรื่องด้านคนเข้าเมือง เช่น การขอวีซ่า การปรับสถานะฯ เพื่อขอใบเขียว เป็นต้นกับทาง USCIS จะต้องใช้เอกสารที่เป็นภาษาอังกฤษ หากไม่มีการเตรียมการขอคัดสำเนาทะเบียนราษฎร์ฉบับภาษาอังกฤษและนำไปรับรองด้านนิติกรณ์กับกรมการกงสุลที่ไทยล่วงหน้าก่อนมา สามารถทำการแปลได้ที่นี่ และไม่จำเป็นต้องผ่านการรับรองนิติกรณ์จากกงสุลไทยในอเมริกา โดย USCIS มีระเบียบให้ทำได้ดังนี้ ผู้แปลจะต้องมีความชำนาญทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษในระดับที่พูดและอ่านออกเขียนได้ ผู้แปลจะต้องลงลายมือชื่อให้เขียนคำรับรองการแปลในเอกสารหรือแนบกับสำเนาเอกสารที่ถ่ายจากตัวจริงดังนี้ Certification by Translator I, [ชื่อเต็ม], certify that I am fluent in English and Thai, and that the above/attached document is an accurate translation of the enclosed document titled [ชื่อเอกสาร]. ______________________________ [ลงลายมือชื่อ] Signature [วันที่] [ชื่อเต็มของผู้แปล] [ที่อยู่ของผู้แปล] หมายเหตุ เจ้าของเอกสารสามารถแปลเอกสารทะเบียนราษฏร์ของตัวเองได้ถ้ามีความชำนาญด้านภาษาอังกฤษ นอกจากใบเกิดเท่านั้นที่จะแปลเองไม่ได้ ต้องให้ผู้อื่นที่มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษที่ไม่ใช่คนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทแปลและรับรองให้ได้ *ตัวอย่างแบบฟอร์มทะเบียนราษฎร์ฉบับภาษาอังกฤษ **หากไม่มั่นใจหรือไม่รู้จะติดต่อใครเพื่อจ้างแปล สามารถติดต่อ Eng4Immi ผู้สนับสนุนหลักเว็บ usvisa4thai เพื่อจ้างแปลได้
-
วีซ่าแต่งงานมีกี่ประเภทวีซ่าแต่งงานจัดอยู่ใน 2 กลุ่มตามสถานะของผู้ยื่นขอ คือ หากผู้ถือใบเขียวต้องการขอวีซ่าแต่งงานให้กับคู่สมรสชาวต่างชาติ วีซ่ากลุ่มนี้จะเรียกว่า F2A (Family 2nd Preference) สำหรับชาวอเมริกัน หากต้องการขอวีซ่าแต่งงานให้กับคู่สมรสชาวต่างชาติ วีซ่ากลุ่มนี้จะเรียกว่า F1 (Family 1st Preference) กลุ่มวีซ่าทั้งสอง เมื่อคำร้องได้รับการอนุมัติแล้ว คู่สมรสของทั้งผู้ขอใบเขียวและชาวอเมริกันก็จะได้รับใบเขียวเมื่อเดินทางมาถึงอเมริกา ทั้งนี้ วีซ่าแต่งงานสำหรับชาวอเมริกันที่ขอใบเขียวให้กับคู่สมรสนั้นจะถูกแบ่งย่อยออกไปอีกเป็น 2 ประเภทคือ CR1 (Conditional Residence 1) อันเป็นใบเขียวแบบมีเงื่อนไขที่มีอายุ 2 ปี และ IR (Immediate Relative 1) อันเป็นใบเขียวแบบถาวรที่มีอายุ 10 ปี หมายเลข 1 คือตัวเลขที่แสดงว่าวีซ่านี้อยู่ในกลุ่มญาติใกล้ชิดอันดับหนึ่งหรือ 1st Preference (อ่านต่อ วีซ่าแต่งงาน CR1 และ IR1 แตกต่างกันอย่างไร) หมายเหตุ ถ้าผู้ถือใบเขียวขอวีซ่าแต่งงานให้กับคู่สมรส วีซ่านั้นจะเรียกว่า F2A ใบเขียวที่ได้จะมี 2 แบบขึ้นอยู่กับว่าวันที่วีซ่าอนุมัตินั้น ระยะเวลาการแต่งงานเกิน 2 ปีแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่เกิน ใบเขียวที่คู่สมรสชาวต่างชาติได้จะมีอายุแค่ 2 ปีคือใบเขียวแบบติดเงื่อนไข 2 ปี (conditional green card) ถ้าเกินใบเขียวนั้นจะมีอายุ 10 ปีคือถาวร (permanent green card)
-
วีซ่าคู่หมั้นและวีซ่าแต่งงานแตกต่างกันอย่างไรวีซ่าคู่หมั้นและวีซ่าแต่งงานมีข้อแตกต่างกันดังนี้ 1. วีซ่าคู่หมั้นเป็นวีซ่าชั่วคราว แต่วีซ่าแต่งงานเป็นวีซ่าถาวร 2. วีซ่าคู่หมั้นจะขอได้เฉพาะชาวอเมริกันที่ต้องการให้คู่หมั้นชาวต่างชาติของตนเดินทางเข้ามาแต่งงานในอเมริกา ผู้ถือใบเขียวจะไม่สามารถขอวีซ่าประเภทนี้ได้ 3. วีซ่าแต่งงานขอได้ทั้งชาวอเมริกันและผู้ถือใบเขียวที่ต้องการให้คู่สมรสของตนเดินทางมาอยู่อาศัยในอเมริกาและได้รับใบเขียวหรือสิทธิ์ในการอยู่อาศัยในอเมริกาอย่างถาวร
-
วีซ่าแต่งงาน CR1 และ IR1 แตกต่างกันอย่างไรวีซ่าแต่งงานที่ชาวอเมริกันสามารถขอให้คู่สมรสได้นั้นถือว่าเป็นวีซ่าถาวรเพื่อขอใบเขียวประเภทครอบครัว (Family Based) CR1 (Conditional Residence) และ IR1 (Immediate Relative)ถือว่าเป็นวีซ่าสำหรับญาติใกล้ชิดอันดับหนึ่งของชาวสหรัฐฯ (1st Preference) หากตอนที่วีซ่าถาวรเพื่อขอใบเขียวให้กับคู่สมรสนั้นได้รับการอนุมัติ ระยะเวลาการแต่งงานน้อยกว่า 2 ปี ใบเขียวที่ออกมาจะติดเงื่อนไข 2 ปี คือ คู่สมรสจะได้รับใบเขียวแบบ conditional ทั้งนี้ ทาางการต้องการป้องกันไม่ให้คนแต่งงานแบบจอมปลอมเพื่อให้ได้มาซึ่งใบเขียว เลยจะไม่ให้ใบเขียวถาวรแบบไม่มีเงื่อนไขและมีอายุ 10 ปีในทันที ในขณะเดียวกัน ถ้าวีซ่าถาวรเพื่อขอใบเขียวให้กับคู่สมรสนั้นได้รับการอนุมัติหลังจากการแต่งงานนั้นเป็นระยะเวลานานมาแล้วเกิน 2 ปี ใบเขียวที่ออกมาจะเป็นแบบ 10 ปีเลยทันทีและไม่มีเงื่อนไขติดห้อยไป โดยทางการมองผู้ได้รับวีซ่านั้นเป็นญาติใกล้ชิดอันดับหนึ่งหรือ Immediate Relative (1st Preference) อย่างแท้จริง
-
ใบเขียวมีกี่ประเภทใบเขียวแบ่งออกเป็น 4 ประเภทผ่านกลุ่มความสัมพันธ์หรือวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังนี้ ครอบครัว (Family Based) ทำงาน (Employment Based) บุตรบุญธรรม (Adoption) ชิงโชคหรือหวยวีซ่า (Diversity Visa)
-
มีวีซ่าท่องเที่ยว และจดทะเบียนแล้วกับชาวอเมริกัน จะสามารถเดินทางเข้าอเมริกา แล้วมาปรับสถานะเพื่อขอใบเขียวในฐานะคู่สมรสของชาวอเมริกันได้หรือไม่*เครดิตคำตอบจากคุณ Kiti Poj (คำถามและคำตอบมีการปรับเปลี่ยนเพื่อความกระชับและเหมาะสม) ก่อนอื่น ต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ของวีซ่าแต่ละประเภท วีซ่าท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยว ไม่ได้ให้เข้ามาแต่งงาน เปลี่ยนสถานะวีซ่าเป็นวีซ่าประเภทอื่น หรือให้เข้ามาปรับสถานะวีซ่าเป็นใบเขียว ต้องแปรเจตนาความคิดคุณก่อน ถ้าคิดแบบนี้ มีเจตนาแบบนี้ คุณกำลังทำผิดกฎหมายคนเข้าเมือง เวลาผ่าน ต.ม. จะมีคำถามว่า เข้ามาอเมริกาทำอะไร ก็ต้องตอบคำถามว่า เข้ามาตามคุณสมบัติของวีซ่า ในที่นี้คุณมาท่องเที่ยว ก็ต้องตอบว่ามาเที่ยว หรือมาหาแฟน ฉะนั้นก็มีหลักฐานถูกบันทึกไว้แล้ว ว่าคุณมาเที่ยว ถ้าเข้ามาด้วยวีซ่าท่องเที่ยว ตอบ ตม. ว่ามาเที่ยว แต่ในใจเจตนามาแต่งงาน มาปรับสถานะ หากขนเสื้อผ้าและนำเอกสารส่วนบุคคลใดๆ ติดมือมา แล้วโชคร้ายทาง ตม. ค้นเจอ จะถูกยกเลิกวีซ่าหน้าด่าน ห้ามเข้าอเมริกา 5 ปี (หมายเหตุจากทีมงาน US4THAI - ตม. สมัยนี้ตรวจหมดถ้าเค้าสงสัย หากเค้าตรวจดูมือถือ เค้าจะดูหมดทุกแอพพลิเคชั่น ดูอีเมล์ ดูเมสเซนเจอร์ เฟซบุ๊ค อินสตาแกรม ว่าคุยกับใคร โพสต์เรื่องอะไร ดูสมเหตุสมผลกับการเป็นนักท่องเที่ยวที่มีเจตนามาเที่ยวหรือไม่) ส่วนทำไมถึงมีคนทำได้ ทำไมไม่ผิด ต้องแปลกฎหมาย กระบวนความคิดก่อน กฎหมายเปิดช่องให้ ทุกคนเมื่อเข้ามาแล้ว ทุกคนมีสิทธิ์ นั่นคือ อาจจะเปลี่ยนใจอยากทำอย่างอื่นต่อ เมื่ออยู่ในอเมริกา เช่น - อยากเที่ยวต่อ เรียนต่อ ทำงานต่อ (Extend Visa) - อยากเรียน (เปลี่ยนสถานะเป็น F1) - มีนายจ้างเสนองานให้ (เปลี่ยนสถานะเป็น E2, H1, EB3) - มีคนอเมริกันมาจีบ (ปรับสถานะเป็นวีซ่าถาวรคู่สมรสเพื่อขอใบเขียว CR1) นั่นคือ เหตุบังเอิญที่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้มีเจตนา มันมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราอยากอยู่ต่อ (Extend Visa) หรือเปลี่ยนสถานะ (Change Status) หรือปรับสถานะ (Adjust Status) เราไม่ได้ตั้งใจมาเปลี่ยน ฉะนั้นคุณไม่ผิด ที่อยากเปลี่ยน แต่ต้องหยุดความคิดตรงนี้ก่อน ไม่ใช่คิดตั้งแต่ยังไม่เข้ามาอเมริกา คิดได้ ลองเสี่ยงดวงได้ แต่ถ้าถูกจับได้ผิดเต็ม ๆ แต่ถ้ามาเที่ยวแล้วเปลี่ยนใจที่จะอยู่ต่อนั้นเปลี่ยนได้ ไม่ผิด ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ USCIS เข้มงวดขึ้น มีคำถามมากขึ้น กับการเปลี่ยนสถานะของใบเขียว มีหลายเคสที่ถูกปฏิเสธ ไม่ให้ใบเขียว เพราะตอบคำถามไม่ได้ ว่าคุณไม่ได้มีเจตนาใช้วีซ่าท่องเที่ยวเข้ามมาปรับสถานะที่อเมริกา และสุดท้าย การอยู่ปรับสถานะที่อเมริกา ถ้าสถานะวีซ่าขาด จะลำบากตรงต้องอยู่แบบผิดกฎหมาย Overstay ถ้าออกนอกอเมริกา จะกลับเข้ามาอเมริกาไม่ได้ ต้องรอจนกว่าจะได้อนุมัติใบเขียวหรือได้รับใบอนุญาตให้ท่องเที่ยว (Advance Parole)ได้ก่อนถึงจะออกนอกประเทศและกลับเข้ามาอเมริกาได้ ปล. คำตอบนี้ไม่สนับสนุน ให้คนตั้งใจทำผิดประเภทวีซ่า แต่ถ้าไม่ตั้งใจไม่เจตนา ก็ไม่เป็นไร
bottom of page